ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 2 ในประมวลกฎหมายนี้
(4) “ผู้เสียหาย”
หมายความถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำ ผิดฐานใดฐานหนึ่ง รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำ นาจจัดการแทนได้ ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 4, 5 และ 6
คำอธิบาย
1.หลักเกณฑ์เป็นผู้เสียหาย
1.1
ต้องมีการกระทำความผิดอาญาฐานใดฐานหนึ่งเกิดขึ้น
1.2 ผู้เสียหายต้องเป็นบุคคล
1.3
บุคคลนั้นต้องได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดอาญาฐานนั้น
1.4
บุคคลนั้นต้องเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย
2.ต้องมีการกระทำความผิดอาญาฐานใดฐานหนึ่งเกิดขึ้น
สำหรับความผิดอาญาโดยทั่วไป
ความผิดเกิดขึ้นเมื่อมีการลงมือกระทำ
เว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะให้ต้องรับผิดในขั้นตระเตรียมการ เช่น
ป.อ.มาตรา 219 เป็นต้น
3.ผู้เสียหายต้องเป็นบุคคล
3.1 บุคคลธรรมดา
ต้องมีสภาพบุคคลอยู่ในขณะที่มีการกระทำความผิดขึ้น
ซึ่งสภาพบุคคลเริ่มแต่เมื่อคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารกและสิ้นสุดลงเมื่อตาย(ป.พ.พ.มาตรา
15)
3.2 นิติบุคคล แบ่งออกเป็น 2
ประเภท
3.2.1
นิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้แก่ สมาคม มูลนิธิ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล
ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัด
3.2.2
นิติบุคคลตามกฎหมายอื่น ได้แก่ กระทรวง ทบวง กรม มีฐานะเป็นนิติบุคคลตาม
พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534, วัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เป็นนิติบุคคลตาม
พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯรวมทั้งวัดร้าง(ฎีกาที่ 6965-6966/2546), วัดบาทหลวงโรมันคาธอลิกเป็นนิติบุคคล(ฎีกาที่
8033-8037/2538), กองทุนหมู่บ้าน(ฎีกาที่ 6600/2649)
4. บุคคลนั้นต้องได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดอาญาฐานนั้น
หมายความว่า
ความเสียหายนั้นเป็นผลโดยตรงจากการกระทำ ตามทฤษฎีเงื่อนไข
บุคคลนั้นได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดฐานนั้นหรือไม่
ต้องแยกพิจารณาเป็นความผิดแต่ละฐานไป
5.บุคคลนั้นต้องเป็น
“ผู้เสียหายโดยนิตินัย”
หลักกฎหมายทั่วไปมีอยู่ว่า
“ผู้ที่จะมาขอพึ่งบารมีแห่งความยุติธรรมต้องมาด้วยมืออันบริสุทธิ์”
แนวคำพิพากษาศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย
1.บุคคลที่มีส่วนในการกระทำความผิด
ไม่ว่าจะเป็นตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน หรือมีส่วนประมาทด้วย(ฎีกาที่ 1472/2522, 5172/2554,
1960/2534) การมีส่วนร่วมหรือก่อให้ผู้อื่นกระทำผิด
พิจารณาตามข้อหาที่จำเลยกระทำผิดเท่านั้น(ฎีกาที่ 5172/2554) เช่น หญิงยอมให้ผู้อื่นทำแท้ง
ถือว่าหญิงนั้นมีส่วนในการกระทำความผิดด้วย(ฎีกาที่ 954/2502),
ผู้ตายข้ามถนนใต้สะพานลอยในสภาวะที่รถใช้ความเร็วสูง ผู้ตายจึงมีส่วนประมาทด้วย
ไม่เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย(ฎีกาที่ 7640/2550)
2.บุคคลที่สมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้ทำร้ายซึ่งกันและกัน(ฎีกาที่
1183/2494)
3.บุคคลที่สมัครใจยินยอมให้ผู้อื่นกระทำความผิด(ฎีกาที่
968/2479)
4.ผู้ที่กระทำการโดยมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย
เป็นการพ้นวิสัย
หรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน(ฎีกาที่ 7771/2493
(ประชุมใหญ่))
อ้างอิง
สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา. รวมคำบรรยาย ภาคสอง สมัยที่ 72 ปีการศึกษา 2562 เล่มที่ 3 และ 4.
0 ความคิดเห็น