ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 6 ก่อนยื่นคำให้การ จำเลยชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลที่โจทก์ได้ยื่นคำฟ้องไว้ขอให้โอนคดีไปยังศาลอื่นที่มีเขตอำนาจได้
คำร้องนั้นจำเลยต้องแสดงเหตุที่ยกขึ้นอ้างอิงว่าการพิจารณาคดีต่อไปในศาลนั้นจะไม่สะดวก
หรือจำเลยอาจไม่ได้รับความยุติธรรมเมื่อศาลเห็นสมควร ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องนั้นก็ได้
ห้ามมิให้ศาลออกคำสั่งอนุญาตตามวรรคหนึ่ง
เว้นแต่ศาลที่จะรับโอนคดีไปนั้นได้ยินยอมเสียก่อน ถ้าศาลที่จะรับโอนคดีไม่ยินยอม
ก็ให้ศาลที่จะโอนคดีนั้นส่งเรื่องให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ชี้ขาด คำสั่งของอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด
หมายเหตุ
การโอนคดีไปยังศาลอื่นที่มีเขตอำนาจ[1]
1. เป็นคดีที่มีเขตอำนาจตั้งแต่สองศาลขึ้นไป
2. จำเลยเป็นผู้มีสิทธิขอโอนคดี
3. จำเลยต้องยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจ
4. ศาลที่รับโอนคดีต้องเป็นศาลที่มีเขตอำนาจ
5. ต้องแสดงเหตุในคำร้องว่าการพิจารณาคดีต่อไปในศาลนั้นจะไม่สะดวก
หรือจำเลยอาจไม่ได้รับความยุติธรรม
6. ศาลที่รับโอนคดีต้องยินยอม
ฎีกาที่ 1330/2532 โจทก์ฟ้องต่อศาลจังหวัดปัตตานีขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้รวมการพิจารณาคดีที่โจทก์ฟ้องเข้ากับคดีที่โจทก์อีกคนหนึ่งฟ้องจำเลยที่ศาลแขวงพระนครเหนือ
โดยขอให้โอนคดีไปพิจารณาพิพากษาที่ศาลแขวงพระนครเหนือ แต่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต
เช่นนี้จำเลยหาอาจยื่นคำร้องขอให้อธิบดีผู้ พิพากษาศาลอุทธรณ์ชี้ขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 6, 8 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ได้ไม่เพราะคดีอาญานั้น
มีประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 23, 26 บัญญัติเรื่องการโอนคดีไว้โดยเฉพาะแล้ว
จึงไม่อาจนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตราดังกล่าวมาปรับแก่กรณีของจำเลยได้
[1]
วิเชียร ดิเรกอุดมศักดิ์, กฎหมาย วิ.แพ่ง เล่ม
1 (ฉบับปรับปรุงใหม่ ปี 2564), (กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ห้างหุ้นส่วนจำกัดแสงจันทร์การพิมพ์, 2564),
หน้า 48.
0 ความคิดเห็น