ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 63 ถ้าผลของการกระทำความผิดใดทำให้ผู้กระทำต้องรับโทษหนักขึ้น
ผลของการกระทำความผิดนั้นต้องเป็นผลที่ตามธรรมดาย่อมเกิดขึ้นได้
หมายเหตุ
ผลธรรมดา คือ
ผลที่บุคคลทั่วๆ ไปสามารถ “คาดเห็นได้” เรื่องผลธรรมดานี้จะนำไปใช้เฉพาะกรณีความผิดที่ผู้กระทำต้องรับโทษหนักขึ้นเพราะผลจากการกระทำนั้นไม่เกี่ยวกับเจตนาหรือประมาทของผู้กระทำ
(อ้างอิง ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, หลักกฎหมายอาญาภาคทั่วไป,
พิมพ์ครั้งที่ 14 แก้ไขเพิ่มเติม
(กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์วิญญูชน, 2559), น. 44)
ฎีกาที่ 11643/2556
จำเลยมานั่งดื่มสุราที่บ้านผู้ตาย แต่ถูกผู้ตายด่าว่า จึงโกรธใช้ขวานตีไปที่แขนผู้ตายและได้ทำร้ายผู้ตาย
ซึ่งจากคำเบิกความของแพทย์และรายงานการชันสูตรพบว่าบาดแผลฉีกขาดที่ศีรษะยาว 5
เซนติเมตร กะโหลกศีรษะไม่แตก
และไม่ปรากฏว่ามีบาดแผลฉีกขาดจากส่วนใดอีก
สาเหตุการตายไม่ได้ถูกทำร้ายจากการผ่าชันสูตรผู้ตายเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหากเลือดออกมากจะเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
ทำให้จากข้อเท็จจริง
จึงฟังได้ว่าจำเลยมิได้มีเจตนาฆ่าแต่มีเจตนาทำร้ายผู้ตายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายเป็นความผิด
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
ฎีกาที่ 313/2529
(ประชุมใหญ่) ความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตาม
ป.อ.มาตรา 297 เป็นเหตุทำให้ผู้กระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา
295 ต้องรับโทษหนักขึ้นเพราะผลที่เกิดจากการกระทำโดยที่ผู้กระทำไม่จำต้องมีเจตนาต่อผลที่ทำให้ต้องรับโทษหนักขึ้นตัวการที่ร่วมทำร้าย
แม้จะไม่มีเจตนาให้ผู้นั้นได้รับอันตรายสาหัส หรือมิได้เป็นผู้ลงมือกระทำให้เกิดผลขึ้น ก็ต้องรับผิดในผลนั้นด้วย
0 ความคิดเห็น