ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

               มาตรา 272 ถ้าศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งอย่างใดซึ่งต้องมีการบังคับคดีแก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาก็ให้ศาลออกคำบังคับทันทีที่ได้อ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น และให้ถือว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ทราบคำบังคับแล้วในวันนั้น

               ในคดีที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาขาดนัดยื่นคำให้การหรือขาดนัดพิจารณา และลูกหนี้ตามคำพิพากษา ทนายความ หรือผู้รับมอบฉันทะจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งดังกล่าวให้มาฟังคำพิพากษาหรือคำสั่ง มิได้อยู่ในศาลในเวลาที่ออกคำบังคับ ให้บังคับตามมาตรา 199 ทวิ หรือมาตรา 207 แล้วแต่กรณี

               มาตรา 273 ถ้าในคำบังคับได้กำหนดให้ใช้เงิน หรือให้ส่งทรัพย์สิน หรือให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอย่างใด ๆ ให้ศาลระบุไว้ในคำบังคับนั้นโดยชัดแจ้ง ซึ่งระยะเวลาและเงื่อนไขอื่น ๆ อันจะต้องใช้เงิน ส่งทรัพย์สิน กระทำการ หรืองดเว้นกระทำการใด ๆ นั้น แต่ถ้าเป็นคดีมโนสาเร่ศาลไม่จำต้องให้เวลาแก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาเกินกว่าสิบห้าวันในอันที่จะปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น

               ในคดีที่มีเหตุตามมาตรา 272 วรรคสอง ให้ศาลให้เวลาแก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาในอันที่จะปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน

               ระยะเวลาตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เริ่มนับแต่วันที่ถือว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ทราบคำบังคับแล้ว เว้นแต่ศาลจะได้กำหนดไว้โดยชัดแจ้งในเวลาที่ออกคำบังคับหรือในภายหลังว่าให้นับแต่วันใดวันหนึ่งตามที่ศาลเห็นสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม

               ในระหว่างที่ระยะเวลาตามคำบังคับยังไม่ครบกำหนดหรือการปฏิบัติตามวิธีการหรือเงื่อนไขในคำบังคับยังไม่เสร็จสิ้น เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอาจยื่นคำขอฝ่ายเดียวต่อศาลให้มีคำสั่งกำหนดวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของตนก็ได้

               ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดตามวรรคสี่แล้ว คำสั่งนั้นยังคงมีผลต่อไปเท่าที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล แต่ถ้าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามิได้ขอบังคับคดีภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำบังคับเพื่อให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง ให้ถือว่าคำสั่งนั้นเป็นอันยกเลิกเมื่อสิ้นระยะเวลาเช่นว่านั้น

 

หมายเหตุ

1.         การออกคำบังคับ ศาลต้องออกคำบังคับทันทีที่ได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่ง(มาตรา 272 วรรคหนึ่ง); ในวันที่อ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษา ศาลจะต้องออกคำบังคับทันที 

2.         กรณีถือว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาทราบคำบังคับแล้ว ไม่ต้องส่งคำบังคับแก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อทราบคำบังคับอีก(มาตรา 272 วรรคหนึ่ง)(1.) ลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่ให้การต่อสู้คดีแม้ไม่ได้มาฟังคำพิพากษา ก็ถือว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาทราบคำบังคับแล้ว หรือ (2.) ลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่ขาดนัดยื่นคำให้การหรือขาดนัดพิจารณาแต่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา ทนายความหรือผู้รับมอบฉันทะอยู่ในศาลในเวลาที่ออกคำบังคับถือว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาทราบคำบังคับแล้ว; ทนายจำเลยทราบวันนัดฟังคำพิพากษาแล้วในวันนัดได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายมารับทราบคำสั่งศาล เมื่อศาลได้อ่านคำพิพากษาให้ฟังและบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณา ว่าให้บังคับคดีภายใน15 วัน และเสมียนทนายได้ลงชื่อในรายงานฯ นั้นแล้วถือว่าทนายจำเลยซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยได้ทราบคำพิพากษาและคำบังคับนั้นโดยชอบแล้ว จึงถือได้ว่าจำเลยก็ได้ทราบคำพิพากษาและคำบังคับนั้นด้วย(ฎีกาที่ 2772/2524)

3.         กรณีลูกหนี้ตามคำพิพากษาขาดนัดยื่นคำให้การหรือขาดนัดพิจารณา ถือว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษายังไม่ทราบคำบังคับ ศาลต้องส่งคำบังคับแก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อให้ทราบคำบังคับ(มาตรา 272 วรรคสอง); ในกรณีที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาขาดนัดยื่นคำให้การหรือขาดนัดพิจารณา ให้บังคับตามมาตรา 199 ทวิหรือมาตรา 207 แล้วแต่กรณี และลูกหนี้ฯ ทนายความหรือผู้รับมอบฉันทะมิได้อยู่ในศาลในเวลาที่ออกคำบังคับ ศาลต้องส่งคำบังคับให้แก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาด้วย และการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งแก่ลูกหนี้ที่ขาดนัดยื่นคำให้การหรือขาดนัดพิจารณานั้นให้บังคับตามมาตรา 273 มาตรา 289(เรื่องการงดการบังคับคดี) และมาตรา 338( การจ่ายเงินในคดีที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาขาดนัด) ซึ่งศาลมีอำนาจสั่งให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำส่งหรือเสียค่าใช้จ่ายในการส่งได้ตามมาตรา 199 ประกอบมาตรา 70 ที่แก้ไขใหม่    

4.         การเริ่มนับกำหนดระยะเวลาในคำบังคับ(มาตรา 273 วรรคสาม); นับแต่วันที่ถือว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ทราบคำบังคับ คือในวันที่อ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่ง จะต้องเริ่มนับหนึ่งในวันรุ่งขึ้น;  คำว่า "ลักษณะนี้" ใน ป.พ.พ. มาตรา 193/1 ว่าด้วย การนับระยะเวลาคือลักษณะ 5 ของบรรพ 1 ซึ่งว่าด้วยหลักทั่วไป มิได้ใช้บังคับเฉพาะเรื่องนิติกรรม แต่ใช้บังคับในการออกหมายบังคับคดีด้วย แม้ ป.วิ.พ. มาตรา 273 วรรคสาม จะได้บัญญัติว่า ระยะเวลาในคำบังคับให้เริ่มนับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับหรือข้อความท้ายคำบังคับที่ระบุให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 7 วัน นับแต่วันได้รับคำบังคับ ก็ไม่อาจถือว่าเป็นข้อยกเว้นที่จะต้องนับระยะเวลาในวันแรกรวมเข้าด้วย ต้องนับระยะเวลาตั้งแต่วันรุ่งขึ้นจากวันปิดคำบังคับ(ฎีกาที่ 5652/2540)