ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 274
ถ้าคู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีหรือบุคคลที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ชำระหนี้
(ลูกหนี้ตามคำพิพากษา) มิได้ปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลทั้งหมดหรือบางส่วน
คู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดีหรือบุคคลที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ได้รับชำระหนี้
(เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) ชอบที่จะร้องขอให้มีการบังคับคดีโดยวิธียึดทรัพย์สิน
อายัดสิทธิเรียกร้อง หรือบังคับคดีโดยวิธีอื่นตามบทบัญญัติแห่งภาคนี้ภายในสิบปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง
และถ้าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินหรืออายัดสิทธิเรียกร้องใดไว้หรือได้ดำเนินการบังคับคดีโดยวิธีอื่นไว้บางส่วนแล้วภายในระยะเวลาดังกล่าว
ก็ให้ดำเนินการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้อง
หรือบังคับคดีโดยวิธีอื่นนั้นต่อไปจนแล้วเสร็จได้
ถ้าคำพิพากษาหรือคำสั่งกำหนดให้ชำระหนี้เป็นงวด
เป็นรายเดือน หรือเป็นรายปี หรือกำหนดให้ชำระหนี้อย่างใดในอนาคต
ให้นับระยะเวลาสิบปีตามวรรคหนึ่งตั้งแต่วันที่หนี้ตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นอาจบังคับให้ชำระได้
ถ้าสิทธิเรียกร้องตามคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นการให้ชำระเงิน
ส่งคืนหรือส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่ง บุคคลซึ่งได้รับโอนหรือรับช่วงสิทธิตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นมีอำนาจบังคับคดีตามความในหมวด
2 การบังคับคดีในกรณีที่เป็นหนี้เงิน หรือหมวด 3
การบังคับคดีในกรณีที่ให้ส่งคืนหรือส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่ง แล้วแต่กรณี
โดยการร้องขอต่อศาลเพื่อเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ
1.
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา(มาตรา
274 วรรคหนึ่ง); คือ คู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดี, โจทก์และจำเลยอาจเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งกันและกันได้;
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จําเลยทั้งสามร่วมกันจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินพิพาทให้โจทก์ตามบันทึกข้อตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์รวมของ
คู่กรณี โจทก์และจําเลยทั้งสามจึงมีฐานะเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ตาม
คําพิพากษาซึ่งกันและกัน(ฎีกาที่ 956/2557)
2.
บุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดี
คือบุคคลที่จะต้องเข้ามาเป็นคู่ความหรือเป็นบุคคลภายในคดีซึ่งศาลจะต้องมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดี
แต่มิใช่บุคคลตามคำนิยามคำว่า คู่ความ(มาตรา 274 วรรคหนึ่ง); สิทธิในการบังคับเกี่ยวกับสิทธิในทรัพย์สินไม่ใช่สิทธิเฉพาะตัว
จึงตกทอดแก่ทายาท; สิทธิในการบังคับคดีของจำเลยผู้ตายให้เป็นไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาลพิพากษาตามยอมเป็นสิทธิในทรัพย์สินไม่ใช่สิทธิเฉพาะตัว
จึงตกทอดไปยังทายาทเมื่อผู้ทรงสิทธิถึงแก่ความตายตาม ป.พ.พ. มาตรา 1599 และ 1600
ผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นทายาทโดยธรรมของจำเลยมีสิทธิได้รับทรัพย์มรดกของจำเลย
อีกทั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของจำเลยด้วย ผู้ร้องจึงมีสิทธิขอเข้ารับมรดกความแทนจำเลย
และดำเนินการบังคับคดีแก่โจทก์ได้ มิใช่เป็นการเข้าแทนที่คู่ความที่มรณะในระหว่างที่คดีค้างพิจารณาอยู่ในศาลตาม
ป.วิ.พ. มาตรา 42 ดังนั้น
แม้ผู้ร้องจะยื่นคำร้องขอเข้ารับมรดกความแทนจำเลยภายหลังจากศาลมีคำพิพากษาตามยอมและคดีถึงที่สุดแล้วก็มีสิทธิที่จะยื่นได้(ฎีกาที่
7795/2546)
3.
บุคคลที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ได้รับชำระหนี้
เป็นบุคคลภายนอกคดี(มาตรา 274 วรรคหนึ่ง); บุคคลภายนอกที่ได้รับประโยชน์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลมีคำพิพากษาตามยอม(เทียบฎีกาที่
3053/2527), ผู้เสียหายในคดีอาญา หมายถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง
ซึ่งคดีนี้ผู้เสียหายในความผิดฐานลักทรัพย์รถยนต์คือผู้เสียหายทั้งสอง
และพนักงานอัยการโจทก์มีคำขอท้ายฟ้องเรียกให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาแทนแก่ผู้เสียหายทั้งสองเท่านั้น
โดยเป็นการเรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหายตามที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะตามมาตรา
43 และเมื่อพิจารณาประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 44/1 แล้ว ยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่า
สิทธิของผู้เสียหายที่จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนตามมาตราดังกล่าวเป็นสิทธิเฉพาะตัวโดยแท้ของผู้เสียหายหรือผู้มีอำนาจจัดการแทนตาม
มาตรา 4, 5 และ 6 เท่านั้น
ผู้เสียหายที่จะถือว่าเป็นเจ้าหนี้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 50
จึงหมายถึงผู้เสียหายในคดีอาญาเท่านั้น(ฎีกาที่ 880/2555)
4.
บุคคลซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดี; ลูกหนี้ที่ถึงแก่ความตาย;
โจทก์ทั้งสี่ผู้เป็นเจ้าหนี้กองมรดกฟ้องขอให้บังคับจำเลยซึ่งเป็นทายาทรับผิดในค่าสินไหมทดแทนที่ผู้ตายเจ้ามรดกกระทำละเมิด
จึงเป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสี่ฟ้องบังคับสิทธิเรียกร้องต่อจำเลยเพื่อให้ได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินในกองมรดกเท่านั้น
มิได้ฟ้องให้จำเลยต้องรับผิดเป็นส่วนตัว ฉะนั้น เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา
โจทก์ทั้งสี่มีสิทธิบังคับคดีเฉพาะทรัพย์สินในกองมรดกของผู้ตายเท่านั้น
จึงไม่มีสิทธิบังคับคดีเอาแก่ที่ดินพิพาท(ฎีกาที่ 2161/2558)
5.
บุคคลที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ชำระหนี้; บุคคลดังกล่าวนี้ไม่ใช่คู่ความในคดีและไม่ใช่บุคคลซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดี
และเป็นบุคคลภายนอกคดีที่ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวในคดี; บริวารของจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีขับไล่;
เมื่อจำเลยเป็นผู้ให้เช่าสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินโจทก์
แม้คำพิพากษาจะมิได้สั่งให้ผู้เช่าซึ่งเป็นบริวารจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์
คำพิพากษาย่อมใช้บังคับขับไล่ผู้เช่าสิ่งปลูกสร้างได้ด้วย
จำเลยจะอ้างเป็นเหตุไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ศาลพิพากษาให้รื้อหาได้ไม่(ฎีกาที่
1423/2527)
6.
จะต้องร้องขอให้มีการบังคับคดีภายในสิบปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง; ผู้ร้องมิได้ดำเนินการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาจนเกินกำหนด
10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ผู้ร้องจึงสิ้นสิทธิที่จะบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลย
และการขอเฉลี่ยทรัพย์ก็เป็นการบังคับคดีอย่างหนึ่งเพื่อเอาทรัพย์สินของจำเลยชำระหนี้ของผู้ร้องขอเฉลี่ย
จะต้องดำเนินผู้ร้องจึงหมดสิทธิที่จะร้องขอเฉลี่ยจากทรัพย์สินของจำเลยเช่นกัน(ฎีกาที่
816/2543)
0 ความคิดเห็น