ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 222 ถ้าคดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้น
ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน
หมายเหตุ
ฎีกาที่ 1358/2545
จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตาม
ป.วิ.อ. มาตรา 222 แต่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยเรื่องที่จำเลยอุทธรณ์ว่ามิได้กระทำความผิดตามฟ้อง
ศาลฎีกาจึงฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้
ฎีกาที่ 976/2539
เมื่อคดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตาม
ป.วิ.อ. มาตรา 222 เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏจากคำเบิกความของผู้เสียหายว่า
ทรัพย์ที่จำเลยเผาบางส่วนนั้น จำเลยเป็นเจ้าของรวมกันอยู่ด้วย
ที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าทรัพย์ทั้งหมดเป็นของผู้เสียหาย
จึงขัดต่อคำเบิกความของผู้เสียหายอันเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดจากพยานหลักฐานในสำนวน
ศาลฎีกาจึงฟังข้อเท็จจริงใหม่แทนข้อเท็จจริงของศาลอุทธรณ์ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243
(3) ก ประกอบด้วยมาตรา 247และ ป.วิ.อ. มาตรา 15
0 ความคิดเห็น