ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 439 บุคคลผู้จำต้องคืนทรัพย์อันผู้อื่นต้องเสียไปเพราะละเมิดแห่งตนนั้น
ยังต้องรับผิดชอบตลอดถึงการที่ทรัพย์นั้นทำลายลงโดยอุบัติเหตุ
หรือการคืนทรัพย์ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างอื่นโดยอุบัติเหตุ
หรือทรัพย์นั้นเสื่อมเสียลงโดยอุบัติเหตุนั้นด้วย เว้นแต่เมื่อการที่ทรัพย์สินทำลาย
หรือตกเป็นพ้นวิสัยจะคืน หรือเสื่อมเสียนั้น ถึงแม้ว่าจะมิได้มีการทำละเมิด
ก็คงจะต้องตกไปเป็นอย่างนั้นอยู่เอง
หมายเหตุ
ฎีกาที่ 1017/2487
มาตรา 439 ใช้บังคับเฉพาะผู้เอาทรัพย์ของผู้อื่นไปด้วยการละเมิด
จำเลยแจ้งความแล้วเจ้าพนักงานมายึดทรัพย์ของโจทก์ไปเป็นของกลางแล้วของกลางถูกไฟไหม้โดยเหตุสุดวิสัย
จำเลยไม่ต้องรับผิด
ฎีกาที่ 2848/2556
ค่าเช่าซื้อนั้นมีราคารถยนต์รวมอยู่ด้วยส่วนหนึ่ง
มิใช่ค่าเช่าหรือค่าใช้รถยนต์เพียงอย่างเดียว
เมื่อรถยนต์สูญหายนอกจากจะทำให้ผู้ให้เช่าซื้อไม่ได้รับรถยนต์คืนหรือไม่ได้รับค่าเช่าซื้อครบถ้วนตามสัญญาแล้ว
ยังทำให้โจทก์ผู้เช่าซื้อไม่อาจได้รับกรรมสิทธิ์รถยนต์หากชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนด้วย
แม้จะฟังว่าจำเลยทั้งสองผู้ซ่อมแซมรถยนต์แล้วรถยนต์สูญหายไปได้ชดใช้เงินให้แก่บริษัทประกันภัยที่ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัทผู้ให้เช่าซื้อไป
กับให้โจทก์ผู้เช่าซื้อไปอีก 80,000 บาท ก็ตาม
แต่เมื่อคำนึงถึงค่าเช่าซื้อที่โจทก์ชำระให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อไปงวดละ 13,905
บาท รวม 16 งวด
แต่โจทก์ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายเพียง 80,000 บาท
ประกอบด้วยแล้ว เห็นได้ว่า โจทก์ยังคงได้รับความเสียหายอยู่อีก จำเลยทั้งสองจึงยังคงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในส่วนนี้ให้โจทก์อีกด้วย
ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 กำหนดให้จำเลยทั้งสองชดใช้แก่โจทก์เพิ่มอีก
50,000 บาท นั้น เหมาะสมแล้ว
ตามฎีกานี้ จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 วรรคสอง กำหนดให้ผู้ทำละเมิดคืนทรัพย์หรือชดใช้ราคารวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใด
ๆ อันได้ก่อขึ้น ซึ่งหมายความถึงผู้ทำละเมิดต้องทำเพียงประการใดประการหนึ่ง
มิใช่ทั้งสองประการ และมาตรา 439 ก็กำหนดให้ผู้ทำละเมิดที่คืนทรัพย์ให้ผู้เสียหายต้องรับผิดเพิ่มเติมอีกถ้าทรัพย์นั้นเสื่อมเสียหรือถูกทำลายลง
มิได้กำหนดให้ต้องคืนทรัพย์แล้วใช้ราคาค่าสินไหมทดแทนอีก
ส่วนค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใด
อันก่อให้เกิดขึ้นตามที่กำหนดในมาตรา 438 วรรคสอง
หมายถึงค่าเสียหายภายหลังจากที่รถยนต์สูญหายไปแล้ว มิใช่หมายความถึงค่าชดใช้ราคารถยนต์ที่สูญหาย
เมื่อบริษัทผู้รับประกันภัยรถยนต์ชดใช้ราคารถยนต์คืนให้บริษัทผู้ให้เช่าซื้อกับชดใช้เงินให้โจทก์อีก
80,000 บาท ย่อมฟังได้ว่าโจทก์ได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว
ดังนั้นเมื่อจำเลยทั้งสองคืนทรัพย์ชดใช้ราคาทรัพย์ให้แก่บริษัทผู้รับประกันภัยซึ่งเข้าสวมสิทธิของโจทก์มาไล่เบี้ยเอาจากจำเลยทั้งสองแล้ว
การชดใช้ความผิดทางละเมิดของจำเลยทั้งสองย่อมยุติลง
ส่วนค่างวดรถยนต์ที่โจทก์ต้องสูญเสียไปเป็นเงินที่โจทก์มีหน้าที่ต้องชำระตามสัญญาเช่าซื้อและโจทก์ได้ใช้รถยนต์ตามสัญญาเช่าซื้อตลอดเวลาที่ชำระค่างวด
เงินจำนวนดังกล่าวจึงมิใช่ค่าเสียหายอันเกิดจากการละเมิดนั้น
0 ความคิดเห็น