ประมวลกฎหมายอาญา

               มาตรา 357  ผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด ถ้าความผิดนั้นเข้าลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอก หรือเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานรับของโจร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

               ถ้าการกระทำความผิดฐานรับของโจรนั้น ได้กระทำเพื่อค้ากำไรหรือได้กระทำต่อทรัพย์อันได้มาโดยการลักทรัพย์ตามมาตรา 335 (10) ชิงทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

               ถ้าการกระทำความผิดฐานรับของโจรนั้น ได้กระทำต่อทรัพย์อันได้มาโดยการลักทรัพย์ตามมาตรา 335 ทวิ การชิงทรัพย์ตามมาตรา 339 ทวิ หรือการปล้นทรัพย์ตามมาตรา 340 ทวิ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสามแสนบาท

 

หมายเหตุ

1.         ช่วยแม้ไม่ได้รับทรัพย์เอาไว้เองแต่ช่วยแนะนำ เป็นรับของโจร; มีคนเอาปืนมาจำนำจำเลย จำเลยไม่มีเงินจึงพาไปจำนำกับผู้อื่นโดยจำเลยช่วยพูดจาให้เขารับจำนำ เช่นนี้ เป็นการช่วยจำหน่าย(ฎีกาที่ 680/2508), การกระทำความผิดฐานรับของโจร ผู้กระทำไม่จำต้องรับทรัพย์ของกลางไว้ในความครอบครองของตนเอง เพียงแต่ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ด้วยประการใดซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดการที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์ให้ อ. นั่งซ้อนท้าย บรรทุกโทรทัศน์ของกลางจะไปที่อำเภอดอนสัก โดยรู้อยู่ว่าเป็นโทรทัศน์ที่ อ. ลักมา ก็เป็นการช่วยพาเอาไปเสียอันเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานรับของโจรแล้ว(ฎีกาที่ 8396/2552)

2.         รับไว้โดยประการใด; พฤติการณ์ที่จำเลยรับเป็ดของกลางจำนวนมากถึง 1,000 ตัวไว้จาก ป. โดยไม่มีข้อตกลงในการซื้อขายหรือฝากเลี้ยงกันในลักษณะใดนั้น ถือได้ว่าเป็นการรับไว้โดยประการใด ตาม ป.อ.มาตรา 357(ฎีกาที่ 5158/2533)

3.          มาตรา 357 วรรคแรก ผู้รับของโจรต้องรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด แต่ไม่จำต้องรู้ว่าเป็นความผิดฐานใด

4.         มาตรา 357 วรรคสองและสาม ผู้รับของโจรต้องรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 335(10) ชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์ ลักทรัพย์ตามมาตรา 335 ทวิ ชิงทรัพย์มาตรา 339 ทวิ หรือปล้นทรัพย์ตามมาตรา 340 ทวิ ; มาตรา 335 (10) ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์, มาตรา 335 ทวิ ทรัพย์ที่เป็นพระพุทธรูปหรือวัตถุในทางศาสนา..., มาตรา 339 ทวิ การชิงทรัพย์ได้กระทำต่อทรัพย์ตามมาตรา 335 ทวิ..., มาตรา 340 ทวิ การปล้นทรัพย์ได้กระทำต่อทรัพย์ตามมาตรา 335 ทวิ...;การจะลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ให้หนักขึ้นตามลักษณะฉกรรจ์ตาม ป.อ. มาตรา 357 วรรคสองได้ ก็ต่อเมื่อได้ความว่าขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 รู้อยู่แล้วว่ารถกระบะของกลางเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำผิดฐานชิงทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 62 วรรคท้าย เมื่อทางพิจารณาได้ความเพียงว่ารถกระบะของกลางเป็นทรัพย์ที่ น. ได้มาจากการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ไม่ปรากฏว่าขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 รู้อยู่แล้วว่ารถกระบะของกลางเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการชิงทรัพย์ จึงไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ตาม ป.อ. มาตรา 357 วรรคสองได้ คงลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 357 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 เท่านั้น(ฎีกาที่ 6772/2558)

5.         ผู้กระทำความผิดฐานรับของโจรต้องมิใช่ผู้กระทำความผิดทั้ง 9 ฐาน

6.         ความผิดสำเร็จของความผิด; มีคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไป วันเกิดเหตุจำเลยเข้ามานั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ดังกล่าวซึ่งจอดอยู่แล้วไขกุญแจรถ เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจแสดงตัวจำเลยทิ้งรถวิ่งหนี แสดงว่าจำเลยรู้ว่ารถจักรยานยนต์ดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ การที่จำเลยนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์แล้วไขกุญแจรถ เป็นการเข้ายึดถือครอบครองรถจักรยานยนต์  เมื่อจำเลยได้รับรถจักรยานยนต์ดังกล่าวไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์  จำเลยย่อมมีความผิดฐานรับของโจร(ฎีกาที่ 5701/2531), จำเลยรับเช็คไว้โดยรู้ว่าเป็นเช็คอันได้มาจากการลักทรัพย์แม้จำเลยจะไม่มีทางรับเงินตามเช็คได้ เพราะเช็คถูกอายัดไว้แล้ว ก็เป็นความผิดฐานรับของโจรสำเร็จแล้วไม่ใช่เพียงขั้นพยายาม(ฎีกาที่ 2177/2520)

7.         รับของโจรมาจากผู้รับของโจรอีกต่อหนึ่ง; จำเลยที่ 2 รับของโจรกระบือจากบุคคลที่ลักมา แล้วขายให้จำเลยที่ 1 หากจำเลยที่ 1 รับซื้อไว้โดยรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเป็นกระบือของร้าย ก็มีความผิดฐานรับของโจรได้(ฎีกาที่ 1010/2506)

8.         ดอกผลของทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด

9.         ทรัพย์ที่รับของโจรได้เปลี่ยนสภาพเป็นทรัพย์อื่น; นําอาวุธปืนที่ได้จากลักทรัพย์ไปขาย เงินที่ได้จากการขายอาวุธปืน ไม่ใช่ทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไป(ฎีกาที่ 1151/2512), ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าคนร้ายนําทรัพย์ที่ชิงมาไปจำนำ จําเลยรับเงิน และตั๋วจำนำไว้โดยรู้ว่าได้มาจากการกระทำความผิด ไม่ผิดฐานรับของโจรเพราะความผิดฐานรับของโจรต้องเป็นการกระทำต่อทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย แต่คดีนี้การจำนำ ไม่ผิดกฎหมาย ตั๋วจำนำและเงินจึงไม่ได้ชื่อว่าได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย(ฎีกาที่ 638/2478)

10.      ลักทรัพย์ของผู้เสียหายจากผู้ลักทรัพย์คนแรก เป็นความผิดฐานลักทรัพย์; การที่จำเลยเอารถจักรยานยนต์ไปจาก ส. โดยทุจริต แม้ ส. จะเป็นผู้ที่ลักทรัพย์มาจากผู้เสียหายอีกต่อหนึ่ง ก็ถือว่าจำเลยเป็นผู้แย่งการครอบครองไปจาก ส. การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ หาใช่เป็นความผิดฐานรับของโจรไม่(ฎีกาที่ 1785/2554)