ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 95 ในคดีอาญา
ถ้ามิได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลภายในกำหนดดังต่อไปนี้
นับแต่วันกระทำความผิด เป็นอันขาดอายุความ
(1) ยี่สิบปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษประหารชีวิต
จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกยี่สิบปี
(2) สิบห้าปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่าเจ็ดปีแต่ยังไม่ถึงยี่สิบปี
(3) สิบปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่าหนึ่งปีถึงเจ็ดปี
(4) ห้าปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่าหนึ่งเดือนถึงหนึ่งปี
(5) หนึ่งปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งเดือนลงมา
หรือต้องระวางโทษอย่างอื่น
ถ้าได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลแล้ว
ผู้กระทำความผิดหลบหนีหรือวิกลจริต และศาลสั่งงดการพิจารณาไว้จนเกินกำหนดดังกล่าวแล้วนับแต่วันที่หลบหนีหรือวันที่ศาลสั่งงดการพิจารณา
ก็ให้ ถือว่าเป็นอันขาดอายุความเช่นเดียวกัน
หมายเหตุ
1. อายุความฟ้องคดีอาญา
ฎีกาที่ 5494/2534 (ประชุมใหญ่) อายุความฟ้องคดีอาญา
ต้องถือตามอัตราโทษของความผิดที่พิจารณาได้ความ
หากขาดอายุความศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้อง
อายุความหยุดนับเมื่อได้ตัวจำเลยมาศาล
แม้จะยื่นฟ้องตำเลยแล้วอายุความก็ยังเดินอยู่(ฎีกาที่ 1735/2514)
2. ฟ้องคดีอาญาต้องได้ตัวจำเลยมาศาลหรือมาอยู่ในอำนาจศาล
ในระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง
จะถือว่าจำเลยมาศาลและอยู่ในอำนาจศาลแล้วไม่ได้(ฎีกาที่ 270/2528)
จำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างสอบสวนแล้วไม่มาศาลตามกำหนด
และศาลออกหมายจับจำเลยแล้ว ถือได้ว่าจำเลยอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นแล้วตั้งแต่รับฝากขัง
โจทก์ฟ้องคดีได้โดย ไม่จำต้องนำตัวจำเลยมาศาลพร้อมฟ้อง คดีหาขาดอายุความไม่(ฎีกาที่
717/2563)
เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้
และพนักงานสอบสวนอนุญาตให้จำเลยประกันตัวไป ต่อมาพนักงานอัยการขอผัดฟ้องโดยไม่ได้นำตัวจำเลยมาส่งศาล
แม้ศาลอนุญาตให้ผัดฟ้องได้ ก็ยังถือไม่ได้ว่าได้ตัวจำเลยมาอยู่ในอำนาจศาล(ฎีกาที่
2144/2539)
3. วันกระทำความผิด
กับ วันครบกำหนดอายุความ
ดูมาตรา 193/5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ฎีกาที่ 2144/2539 ข้อหาความผิดฐานใช้เอกสารปลอมซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ต้องฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมาศาลภายใน 10 ปี(มาตรา 95 (3)) นับแต่วันกระทำความผิด จำเลยกระทำความผิดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2527 วันสุดท้ายของอายุความ 10 ปี คือวันที่ 3 ธันวาคม 2537
0 ความคิดเห็น