ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 5 คำฟ้องหรือคำร้องขอซึ่งอาจเสนอต่อศาลได้สองศาลหรือกว่านั้นไม่ว่าจะเป็นเพราะภูมิลำเนาของบุคคลก็ดี
เพราะที่ตั้งของทรัพย์สินก็ดี เพราะสถานที่ที่เกิดมูลคดีก็ดี
หรือเพราะมีข้อหาหลายข้อก็ดี ถ้ามูลความแห่งคดีเกี่ยวข้องกัน
โจทก์หรือผู้ร้องจะเสนอคำฟ้องหรือคำร้องขอต่อศาลใดศาลหนึ่งเช่นว่านั้นก็ได้
หมายเหตุ
มูลคดีหรือสถานที่ที่เกิดมูลคดี
ซึ่ง คำว่า “มูลคดีเกิด” หมายถึง
เหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิอันจะทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้อง (ฎีกาที่ 5298/2551(ประชุมใหญ่),
15208/2556)
มูลความแห่งคดีเกี่ยวข้องกัน
เช่น ต้องร่วมกันรับผิดอันเนื่องมาจากการเป็นตัวการตัวแทน(ฎีกาที่ 4306/2550),
เจ้ามรดกทั้งสามมีทรัพย์สินอันเป็นมรดกร่วมกัน(ฎีกาที่ 8647/2544),
ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกัน(ฎีกาที่ 2586/2540),
หนี้ขายลดตั๋วเงินและจำนอง(ฎีกาที่ 1517/2540)
ข้อสังเกต
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 5 ให้สิทธิแก่โจทก์ที่จะเสนอคำฟ้องต่อศาลใดศาลหนึ่งได้ ในกรณีที่คำฟ้องนั้นอาจเสนอต่อศาลได้สองศาลหรือกว่านั้น
เพราะสถานที่ที่เกิดมูลคดี และมูลความแห่งคดีเกี่ยวข้องกัน
แสดงว่ามีคำฟ้องสองเรื่องหรือกว่านั้นซึ่งมีสถานที่ที่เกิดมูลคดีตามมาตรา 4 (1)
ที่อยู่ในเขตอำนาจศาลคนละศาลกัน ซึ่งถ้าไม่มีบทบัญญัติมาตรา 5
โจทก์ก็จะต้องเสนอคำฟ้องคนละศาลกัน แต่มาตรา 5
ให้สิทธิแก่โจทก์ที่จะฟ้องคดีสองเรื่องมาในสำนวนเดียวกันต่อศาลใดศาลหนึ่งก็ได้ ทำให้ศาลดังกล่าวมีอำนาจรับคดีที่ไม่อยู่ในเขตอำนาจของศาลตนตามมาตรา
4 (1) ไว้พิจารณาได้ แต่คดีนี้เป็นเรื่องผิดสัญญากู้เงินเพียงเรื่องเดียวที่มีสถานที่ที่เกิดมูลคดีได้หลายแห่งจึงไม่ต้องด้วยมาตรา
5 เพราะโจทก์สามารถยื่นฟ้องต่อศาลดังกล่าวตามมาตรา 4 (1) ได้อยู่แล้ว ที่ศาลฎีกานำมาตรา
5 มาปรับด้วยน่าจะเกินเลยไป(ไพโรจน์ วายุภาพ หมายเหตุท้ายฎีกาที่ 5702/2548)
0 ความคิดเห็น