บัตรเครดิต

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

               มาตรา ๑๙๓/๓๔ สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้ ให้มีกำหนดอายุความสองปี 

                    (๑) ผู้ประกอบการค้าหรืออุตสาหกรรม ผู้ประกอบหัตถกรรม ผู้ประกอบศิลปอุตสาหกรรมหรือช่างฝีมือ เรียกเอาค่าของที่ได้ส่งมอบ ค่าการงานที่ได้ทำ หรือค่าดูแลกิจการของผู้อื่น รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป เว้นแต่เป็นการที่ได้ทำเพื่อกิจการของฝ่ายลูกหนี้นั้นเอง

               (๗) บุคคลซึ่งมิได้เข้าอยู่ในประเภทที่ระบุไว้ใน (๑) แต่เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการดูแลกิจการของผู้อื่นหรือรับทำงานการต่าง ๆ เรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป

 

๑.ลักษณะของสัญญาบัตรเครดิต           

               ลักษณะของสัญญาบัตรเครดิต คือ สัญญาซึ่งผู้ประกอบธุรกิจในการรับทำงานการต่าง ๆ เรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป(ป.พ.พ.มาตรา ๑๙๓/๓๔ (๗))

               ฎีกาที่ ๕๔๘๔/๒๕๕๓ จำเลยเป็นสมาชิกบัตรเครดิตของโจทก์ ยอมผูกพันตามเงื่อนไขของผู้ถือบัตรตกลงให้โจทก์ทดรองจ่ายเงินอันเนื่องจากจำเลยใช้บัตรเครดิตไปชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือเบิกเงินสดล่วงหน้า โดยจำเลยยอมชำระคืนให้โจทก์ในภายหลัง อันเป็นการประกอบธุรกิจรับทำการงานต่างๆ แก่สมาชิก เมื่อโจทก์ชำระเงินแก่เจ้าหนี้แล้วโจทก์จะเรียกเก็บเงินจากสมาชิกในภายหลัง จึงเป็นกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจในการรับทำการงานต่าง ๆ เรียกเอาเงินที่ได้ออกทดรองไปตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๓๔ (๗)

               ฎีกาที่ ๕๓๘๔/๒๕๕๑ หนี้จากการใช้บัตรเครดิตไม่ว่าจะเป็นหนี้จากการซื้อสินค้าและบริการต่างๆ หรือหนี้จากการถอนเงินสด ล้วนเป็นหนี้อันเกิดจากการใช้บัตรเครดิตด้วยกัน จึงมีอายุความ ๒ ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๓๔ (๗) ไม่อาจแยกบังคับนับอายุความแตกต่างกันได้

               ฎีกาที่ ๕๘๑๖/๒๕๕๐ จำเลยเป็นสมาชิกบัตรเครดิตของโจทก์ โดยจำเลยมีสิทธินำบัตรไปใช้แทนเงินสดในการซื้อสินค้าและบริการจากสถานประกอบการและถอนเงินสดจากธนาคารที่เป็นสมาชิกของโจทก์ และโจทก์ตกลงออกเงินทดรองจ่ายให้แก่สถานประกอบการและธนาคารแทนจำเลยไปก่อนแล้วจึงรวบรวมหลักฐานเรียกเก็บเงินจากจำเลย จำเลยจะต้องชำระเงินที่เรียกเก็บแก่โจทก์ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่โจทก์ส่งใบเรียกเก็บเงิน หากผิดนัดโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและมีสิทธิเรียกเบี้ยปรับในรูปของค่าทดแทนการออก เงินทุนไปก่อนและค่าปรับเพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายในการเรียกเก็บ เป็นสัญญาบัตรเครดิต

               ฎีกาที่ ๗๖๑๐/๒๕๔๙ การที่จำเลยเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันและทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีเฉพาะสินเชื่อธนวัฏบัตรเครดิตกับโจทก์ก็มีความประสงค์เพื่อการชําระหนี้ค่าสินค้าและ บริการต่าง ๆ อันเกิดจากการใช้บัตรเครดิตรวมทั้งเพื่อถอนเงินสดจากบัญชีเงินฝากผ่านเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ ซึ่งเป็นกิจกรรมเกี่ยวเนื่องจากการใช้บัตรเครดิตทั้งสิ้น ดังนั้น หนี้ในคดีนี้จึงไม่ใช่หนี้กู้เบิกเงินเกินบัญชีหรือหนี้บัญชีเดินสะพัดโดยตรง แต่เป็นการที่โจทก์ให้บริการการใช้บัตรเครดิตแก่จําเลยที่เป็นสมาชิกโดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการรับท่าการงานต่าง ๆ ให้แก่สมาชิก เรียกเอาเงินที่ได้ออกทดรองไปก่อน สิทธิเรียกร้องโจทก์จึงมีอายุความ ๒ ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๓๔ (๗)

 

               ข้อสังเกต บัตรเครดิตจะระบุวงเงินการใช้ไว้ เช่น วงเงินบัตรเครดิต ๕๐,๐๐๐ บาท เป็นต้น การใช้บัตรเครดิตเพื่อชำระค่าสินค่า หรือบริการ และการถอนเงินสด อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสามอย่าง รวมกันต้องไม่เกิน วงเงินบัตรเครดิต เป็นสัญญาบัตรเครดิต ที่มีอายุความ ๒ ปี  หากปรากฏว่า สามารถใช้ถอนเงินสดหรือใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการได้เกินวงเงินบัตรเครดิตได้ เช่นนี้ อาจไม่ใช่สัญญาบัตรเครดิตที่มีกำหนดอายุความ ๒ ปี

 

๒.อายุความบัตรเครดิต

                    การต่อสู้ว่าหนี้ขาดอายุความ คำให้การต้องอธิบายเหตุเหตุผลไว้ด้วยว่า คดีขาดอายุความเรื่องอะไร และเพราะเหตุใด มิฉะนั้น เป็นคำให้การที่ไม่ถูกต้อง ไม่ก่อให้เกิดประเด็นในคดี(ฎีกาที่ ๓๒๔๔/๒๕๓๐) หมายเหตุ ต้องบรรยายคำให้การว่า หนี้ของโจทก์เป็นหนี้อะไร และมีกำหนดอายุความเท่าใด เช่น หนี้ของโจทก์เป็นเกี่ยวกับบัตรเครดิตตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๙๓/๓๔ และมีกำหนดอายุความ ๒ ปี

               ฎีกาที่ ๕๔๘๔/๒๕๕๓ จำเลยเป็นสมาชิกบัตรเครดิตของโจทก์ ยอมผูกพันตามเงื่อนไขของผู้ถือบัตรตกลงให้โจทก์ทดรองจ่ายเงินอันเนื่องจากจำเลยใช้บัตรเครดิตไปชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือเบิกเงินสดล่วงหน้า โดยจำเลยยอมชำระคืนให้โจทก์ในภายหลัง อันเป็นการประกอบธุรกิจรับทำการงานต่างๆ แก่สมาชิก เมื่อโจทก์ชำระเงินแก่เจ้าหนี้แล้วโจทก์จะเรียกเก็บเงินจากสมาชิกในภายหลัง จึงเป็นกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจในการรับทำการงานต่าง ๆ เรียกเอาเงินที่ได้ออกทดรองไปตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๓๔ (๗) การฟ้องเรียกเงินทดรองของโจทก์จึงมีอายุความ ๒ ปี

 

๓.การบรรยายคำให้การต่อสู้คดีเรื่องอายุความ

               ๓.๑ ฎีกาที่ ๕๔๘๔/๒๕๕๓ เมื่อโจทก์มีหนังสือถึงจำเลยขอยกเลิกการเป็นสมาชิกบัตรเครดิตตั้งแต่วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ พร้อมทั้งให้จำเลยชำระหนี้ที่เกิดจากการใช้บัตรเครดิต โจทก์ย่อมบังคับสิทธิเรียกร้องของตนได้นับแต่วันดังกล่าว ซึ่งจะครบกำหนดอายุความในวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๐ หลังครบกำหนดอายุความแล้วคดีจึงขาดอายุความ

               ๓.๒ ฎีกาที่ ๗๙๑๒/๒๕๕๓ จำเลยใช้บัตรเครดิตของธนาคาร ก. ซื้อสินค้าและบริการ ธนาคาร ก. แจ้งให้จำเลยชำระหนี้ภายในวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๓๗ แต่จำเลยไม่ชำระ ธนาคาร ก. จึงอาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้นับแต่วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๓๗ เป็นต้นไป แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่........

 

               ฎีกาที่ ๕๔๘๔/๒๕๕๓ จำเลยเป็นสมาชิกบัตรเครดิตของโจทก์ ยอมผูกพันตามเงื่อนไขของผู้ถือบัตรตกลงให้โจทก์ทดรองจ่ายเงินอันเนื่องจากจำเลยใช้บัตรเครดิตไปชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือเบิกเงินสดล่วงหน้า โดยจำเลยยอมชำระคืนให้โจทก์ในภายหลัง อันเป็นการประกอบธุรกิจรับทำการงานต่างๆ แก่สมาชิก เมื่อโจทก์ชำระเงินแก่เจ้าหนี้แล้วโจทก์จะเรียกเก็บเงินจากสมาชิกในภายหลัง จึงเป็นกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจในการรับทำการงานต่าง ๆ เรียกเอาเงินที่ได้ออกทดรองไปตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๓๔ (๗) การฟ้องเรียกเงินทดรองของโจทก์จึงมีอายุความ ๒ ปี เมื่อโจทก์มีหนังสือถึงจำเลยขอยกเลิกการเป็นสมาชิกบัตรเครดิตตั้งแต่วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ พร้อมทั้งให้จำเลยชำระหนี้ที่เกิดจากการใช้บัตรเครดิต โจทก์ย่อมบังคับสิทธิเรียกร้องของตนได้นับแต่วันดังกล่าว ซึ่งจะครบกำหนดอายุความในวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๐ หลังครบกำหนดอายุความแล้วคดีจึงขาดอายุความ และการรับสภาพหนี้ด้วยการชำระหนี้บางส่วนที่จะทำให้อายุความสะดุดหยุดลงต้องกระทำก่อนที่จะขาด อายุความ เมื่อจำเลยชำระหนี้บางส่วนเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๐ ภายหลังจากขาดอายุความแล้ว จึงไม่เป็นการรับสภาพหนี้อันจะทำให้อายุคาวามสะดุดหยุดลง การชำระหนี้ภายหลังขาดอายุความแล้วเพียงแต่ทำให้ลูกหนี้เรียกคืนไม่ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๒๘