ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 85 คู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่ต้องนำสืบข้อเท็จจริงย่อมมีสิทธิที่จะนำพยานหลักฐานใด
ๆ มาสืบได้ภายใต้บังคับแห่งประมวลกฎหมายนี้
หรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการรับฟังพยานหลักฐานและการยื่นพยานหลักฐาน
หมายเหตุ
ฎีกาที่ 5197/2558
การนำสืบข้อเท็จจริงในการพิจารณาคดีของศาล ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 85
คู่ความย่อมมีสิทธินำสืบพยานหลักฐานได้ทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสาร
การที่โจทก์ไม่ติดใจสืบพยานบุคคลคดีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่
2 และที่ 4 โดยขอส่งคำเบิกความของพยานที่เคยเบิกความไว้ในศาลแรงงานภาค
6 เป็นพยานเอกสาร ย่อมเป็นสิทธิของโจทก์ที่พึงกระทำได้
ประกอบกับทนายจำเลยที่ 2 และที่ 4 ยังแถลงยอมรับความถูกต้องของเอกสารว่า
พยานเคยเบิกความดังคำเบิกความตามที่โจทก์อ้างส่งจริง ตามรายงานกระบวนพิจารณา
ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจในอันที่จะรับฟังข้อเท็จจริงตามพยานเอกสารดังกล่าวได้
หาใช่เป็นการนำเอาคำเบิกความของพยานในคดีอื่นมารับฟังในคดีนี้ไม่
ฎีกาที่ 2911/2537
คำให้การต่อสู้คดีที่ว่าสัญญากู้เป็นเอกสารปลอม
โดยไม่อ้างเหตุแห่งการปฏิเสธไว้ว่าปลอมอย่างไร เช่น
เป็นการปลอมเอกสารทั้งฉบับหรือปลอมเพียงบางส่วน
ซึ่งจำเลยต้องแสดงให้ชัดแจ้งไว้ในคำให้การไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 177 วรรคสองจำเลยจึงไม่มีสิทธินำสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้นั้น
แม้ศาลชั้นต้นจะได้สืบพยานบุคคลของจำเลยมาแล้วก็ไม่อาจรับฟังได้
หมายเหตุท้ายฎีกาที่ 558/2535 หลักการกำหนดประเด็นข้อพิพาทคดีแพ่งยึดถือตามนัยมาตรา 183 ป.วิ.พ. กล่าวคือ พิจารณาคำฟ้อง คำให้การเป็นหลักเปรียบเทียบว่าต่างกันอย่างไรข้อแตกต่างคือ ข้อโต้แย้งให้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาท หรือวิวาท (ภาษากฎหมายใช้พิพาท) ผู้ใดกล่าวอ้างประเด็นข้อใดมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริง นั้น (ป.วิ.พ. มาตรา 84) โดยมีสิทธินำพยานหลักฐานใด ๆ มาสืบได้ภายใต้หลักกฎหมายว่าด้วยการรับฟังพยาน(ป.วิ.พ. มาตรา 85)
0 ความคิดเห็น