ประมวลกฎหมายยาเสพติด
มาตรา 162
ผู้ใดเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ประเภท 2 หรือประเภท 5
หรือเสพวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท หรือประเภท 2 และมิใช่กรณีตามมาตรา 113 หรือมาตรา 114
อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 104 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี
หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 163 ผู้ใดเสพสารระเหย
อันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 105 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน
สองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 164
ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ประเภท 2 หรือประเภท 5
หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 เพื่อเสพ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 107
ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 165
ในการพิจารณาและพิพากษาคดีตามลักษณะนี้
ให้ศาลมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีโดยคำนึงถึงการสงเคราะห์ให้จําเลยเลิกเสพยาเสพติดโดยการบำบัดรักษายิ่งกว่าการลงโทษ
หากจะลงโทษจําเลยก็ให้พิจารณาลงโทษให้เหมาะสมกับจําเลยแต่ละคน
แม้จําเลยจะได้กระทำผิดร่วมกัน โดยคำนึงถึงความร้ายแรงตามลักษณะของความผิดที่แตกต่างกันในแต่ละคดี
ผลร้ายแรงตามประเภทและปริมาณของยาเสพติดที่เกี่ยวพันกับผู้กระทำความผิด
และข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับผู้กระทำความผิด เช่น อายุ ประวัติ ความประพฤติ นิสัย
สติปัญญา การศึกษาอบรม ภาระในการเลี้ยงดู ครอบครัว การเสพเพื่อรักษาโรคบรรเทาความเจ็บปวด
ความจําเป็น ต้องเสพด้วยเหตุอื่น สภาพร่างกาย และสภาพจิตใจ สิ่งแวดล้อม
การถูกบังคับขู่เข็ญหลอกลวงให้เสพยาเสพติด หรือตกเป็นเครื่องมือ ของผู้ค้ายาเสพติด
หรือเหตุอันควรปรานีอื่นใด
นอกจากนั้นการลงโทษควรได้คำนึงถึงชนิดของยาเสพติดที่
เสพหรือครอบครองเพื่อเสพ จำนวนยาเสพติดที่เสพหรือครอบครองเพื่อเสพ
การเสพยาเสพติดเป็นครั้งคราวหรือประจำ หรือเสพยาเสพติด
เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานบางอย่าง
ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติแสวงหาข้อเท็จจริงตามวรรคหนึ่ง
ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบส่งคำสั่งศาลและเอกสารที่เกี่ยวข้องไปยังสำนักงานคุมประพฤติภายในสามวันนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง
เว้นแต่ศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
เมื่อสำนักงานคุมประพฤติได้รับคำสั่งตามวรรคสาม
ให้พนักงานคุมประพฤติดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง
แล้วทำรายงานและความเห็นให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่สำนักงานคุมประพฤติได้รับหนังสือ
ในกรณีที่มีเหตุจําเป็นพนักงานคุมประพฤติอาจร้องขอต่อศาลเพื่อขยายระยะเวลาออกไปได้อีกไม่เกินสิบห้าวัน
มาตรา 166
ในการพิจารณาพิพากษาผู้กระทำความผิดตามลักษณะนี้
ถ้าไม่ปรากฏว่าผู้นั้นเป็นผู้ต้องหาหรืออยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีในความผิดอื่นซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษจําคุก
หรืออยู่ใน ระหว่างรับโทษจําคุกตามคําพิพากษาของศาล
ให้ศาลที่พิจารณาพิพากษาคดีดังกล่าวมีอำนาจเปลี่ยนโทษจําคุกเป็นการใช้วิธีการเพื่อความปลอดภัยตามประมวลกฎหมายอาญา
หรือนําเงื่อนไข เพื่อคุมความประพฤติข้อเดียวหรือหลายข้อตามมาตรา 56
แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาใช้แทนการลงโทษ ทั้งนี้
ตามระยะเวลาที่ศาลกำหนดแต่ต้องไม่เกินกว่าสองปี
หากเหตุที่ให้ใช้วิธีการเพื่อความปลอดภัยหรือพฤติการณ์ที่เกี่ยวแก่การกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติได้เปลี่ยนแปลงไป
เมื่อศาลเห็นสมควร ศาลอาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้
มาตรา 167
เมื่อความปรากฏแก่ศาลเองหรือความปรากฏตามคําแถลงของพนักงานอัยการ
หรือเจ้าพนักงานว่าผู้กระทำความผิดไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังที่ศาลกำหนดตามมาตรา 166
ศาลอาจตักเตือนผู้กระทำความผิด หรือกำหนดวิธีการตามมาตรา 166 วรรคหนึ่ง เสียใหม่
หรือพิจารณาลงโทษตามความเหมาะสมต่อไป
มาตรา 168 ภายใต้บังคับมาตรา 114
เมื่อมีการฟ้องคดีต่อศาลว่าบุคคลใดกระทำความผิดตามลักษณะนี้
ถ้าไม่ปรากฏว่าผู้นั้นเป็นผู้ต้องหาหรืออยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีในความผิดอื่นซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษจําคุก
หรืออยู่ในระหว่างรับโทษจําคุกตามคําพิพากษาของศาล
ในกรณีที่ศาลเห็นว่าพฤติการณ์แห่งคดียังไม่สมควรลงโทษจําเลย
หากจําเลยสํานึกในการกระทำโดยตกลงเข้ารับการบำบัดรักษา
เมื่อศาลสอบถามพนักงานอัยการแล้ว
หากศาลเห็นสมควรให้ส่งตัวจำเลยไปสถานพยาบาลยาเสพติดเพื่อเข้ารับการบำบัดรักษาต่อไป
มาตรา 169
เมื่อจําเลยเข้ารับการบำบัดรักษาและปฏิบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่คณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดกำหนด
จนได้รับการรับรองเป็นหนังสือว่าเป็นผู้ผ่านการบำบัดรักษาเป็นที่น่าพอใจจากหัวหน้าสถานพยาบาลยาเสพติดหรือสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด
ให้ศาลสั่งยุติคดี เว้นแต่จะต้องมีคำสั่งเกี่ยวกับของกลาง
และให้ผู้นั้นพ้นจากความผิด ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 168
ถ้าจําเลยไม่ให้ความร่วมมือในการบำบัดรักษาจนครบถ้วน
ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่คณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดกำหนด
ก็ให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาพิพากษาต่อไป
มาตรา 170 คำสั่งศาลตามมาตรา 166 มาตรา 168 และมาตรา 169 ให้เป็นที่สุด
การพิจารณาและมีคำสั่งของศาลตามมาตรา 166 มาตรา 168
และมาตรา 169 ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่กำหนดในข้อบังคับของประธานศาลฎีกาโดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
0 ความคิดเห็น